คนเข้าใจรถ หรือ รถเข้าใจคน

ที่ขึ้นหัวข้อเรื่องอย่างนี้ เพราะว่า ผู้ขับขี่บางท่าน ยังสับสนหรือยังไม่เข้าใจในรถยนต์ของตนเองอย่าง สมบูรณ์ ยิ่งเป็นรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ส่วนใหญ่ไม่เข้า ใจแน่ๆ หลายท่านก็ปรับตัวเข้ากับรถยนต์ได้ดี แต่ก็มี อยู่ไม่น้อยที่ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับรถยนต์ได้ และ ไม่มีทางที่จะเป็นได้ที่รถยนต์จะปรับตัวเข้าหาผู้ขับขี่  ดังนั้นต้องศึกษาตัวรถยนต์อย่างถี่ถ้วน นอกจากนั้นต้อง เข้าใจอีกด้วยทางผู้ผลิตรถยนต์ ต้องการที่จะให้เกิด ประโยชน์สูงสุด กว่าจะคิดค้นสิ่งที่จำในเรื่องของความ สะดวกแก่ผู้ใช้รถนั้น ก็เพื่อตอบสนองความต้อง

การของลูกค้าส่วนมากอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าดี แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่ไม่ต้องการ แล้วมักพูดว่า “ไม่รู้ติดตั้งทำไม” อะไรทำนองนี้เป็นต้น ถ้าเกี่ยวกับความปลอดภัย ยังพอรับได้ ลูกค้าบางคนคิดว่า อุปกรณ์นั้น สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้น ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือ ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า ซึ่งเท่ากับว่า ซื้อรถมาแล้วไม่คุ้ม ถ้าเป็นไปได้ถอดคืน หรือ ถอดออกได้ไหม ก็ทำไม่ได้อีก ถ้าทำได้จริงๆราคาคงถูกลงกว่านี้อย่างแน่นอน ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นว่า ความต้องการของคนที่จะใช้รถ อาจจะไม่ตรงใจเราไปเสียทั้งหมดครับ

ผู้ใช้รถบางท่าน ยังชินกับรถยนต์คันเดิมอยู่ การปรับตัวเข้ากับรถใหม่นั้น จึงทำให้มีปัญหาขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น สมัยก่อนรถยนต์ยังไม่มีระบบ ABS เมื่อทำการเหยียบเบรกกะทันหัน จะต้องเกร็งมือ คือ ต้องจับพวงมาลัยแน่นขณะเหยียบเบรก แต่พอมาสมัยนี้มีระบบเบรก ABS พอเหยียบเบรกกะทันหัน เบรกจะมีการจับปล่อยๆ พร้อมกันนั้น ขาเบรกจะเด้งขึ้นลงๆอยู่อย่างนี้ เหมือนเบรกสู้เท้า ก็เลยทำให้ตกใจ ทั้งๆ ที่ระบบนี้มีประโยชน์ด้านความปลอดภัย และสภาวะนั้นก็ถือว่าเป็นสภาวะของการทำงาน หรือ การทำงานของระบบนั่นเอง

การตัดสินใจซื้อรถ จะต้องยอมรับสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกติดตั้งมาในรถคันนั้นๆไม่สามารถที่จะไม่ยอมรับสิ่งนั้นได้ เมื่อได้มาแล้วก็ต้องศึกษารายละเอียดในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอย่าง ถูกวิธี, ข้อควรระวัง, ข้อห้าม และอื่นๆ อีกประการหนึ่งสิ่งที่ถูกใช้งานก็ต้องมีการเสื่อมสภาพกันบ้างตามกาลเวลา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ดังนั้น ผู้ที่ครอบครองรถอย่าวิตกกังวลมากนัก จะทำให้เสียสุขภาพเปล่าๆขอให้คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าสิ่งใดที่ผิดปกติก่อนระยะเวลาที่กำหนด ทางผู้ผลิตรถยนต์เหล่านั้น ก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี และพวกเขาก็เต็มใจที่จะทำการแก้ไขให้อยู่แล้ว ปัญหาเล็กน้อยก็อาจะเกิดขึ้นได้บ้าง สังเกตไหมครับว่าสินค้าทุกอย่างที่ผลิตออกมา จะมีการรับประกันคุณภาพ และยิ่งได้รับ ม.อ.ก.(มาตรฐานอุตสาหกรรม) ยิ่งน่าเชื่อถือได้ แต่กระนั้นก็มีการเคลมเกิดขึ้นอยู่ดี

ผู้อ่านเคยสังเกตกันไหมว่ารถยนต์ทุกยี่ห้อไม่ว่าจะ ราคาเป็นล้านบาท หรือราคาเป็นแสนบาท ก็ไม่มียี่ห้อไหน ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมเลย (สำหรับประเทศไทย) ดังนั้นก็ต้องมีบ้างในรถ 1 คัน ถ้าคันไหนไม่เคยเจอก็โชคดีไป รถยนต์1 คัน ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนเป็นพันชิ้น หรือ เป็นหมื่นชิ้น ย่อมเกิดปัญหาได้บ้าง วัตถุดิบในการผลิตก็เป็นผลมาจาก เช่น อุณหภูมิ, การจัดเก็บ, ระยะเวลา เป็นต้น ขบวนการในการประกอบไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือ หุ่นยนต์ ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา ไฉนเลยจะไม่เกิดการชำรุดด้วยตนเองเชียวหรือ ในการตัดสินใจเลือก รถยนต์สักคัน เมื่อซื้อแล้วก็ควรใช้งานอย่างคุ้มค่าแก่การใช้งานเป็นอย่างยิ่ง

ที่กล่าวมาทั้งหมด ต้องการชี้ให้เห็นว่ามีประโยชน์ทุกส่วนของรถยนต์ ผู้ที่ยังไม่ชินหรือยังสงสัย ก็ให้ทางผู้แทนจำหน่ายที่ขายรถให้แก่ท่าน แนะนำหรือช่วยปรับให้เหมือนรถที่เคยใช้มา (ถ้าสามารถทำได้หรือยังปรับได้) จะได้สบายใจหรือใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

เครดิต http://www.phithan-toyota.com/th/article_detail.php?article_id=586&category_id=2